จิตที่เหนือเวทนา [6836-7q]
Description
Q: วิธีพิจารณาเวทนาขณะเจ็บป่วย
A: คนเราตายได้ง่าย เป็นข้อที่เราต้องตระหนัก ความกลัวตายมี 2 แบบ คือ ความกลัวที่เป็นอกุศล ก็คือความกลัวที่จะตาย และความกลัวที่เป็นกุศล คือกลัวตกนรก ความกลัวตกนรกนี้เป็นกุศล เพราะจะทำให้เราตระหนักว่าเรายังมีบาปอกุศลกรรมใดหรือไม่ ที่จะทำให้ไปตกนรก ถ้ามีต้องรีบละ หากเคยทำผิดศีล ก็ให้สมาทานศีลขึ้นมาใหม่ เราต้องเข้าใจว่าสิ่งใดที่ทำไปแล้ว ก็ล่วงไปแล้ว เรากลับไปแก้ไขสิ่งที่เคยทำผิดไม่ได้ “อย่ากระนั้นเลย เราจะละสิ่งนั้นเสียเราจะตั้งใจทำใหม่” หากละได้แล้ว ก็ให้อยู่ด้วยปิติและปราโมทย์
Q: วิธีพิจารณาความกลัวการพลัดพราก
A: 1) พิจารณาจากของ เช่น ข้าวของเงินทอง ว่าสิ่งเหล่านี้เมื่อเราตายไปแล้วเอาไปด้วยไม่ได้ แต่หากเราตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดา เมื่อเทียบทรัพย์ของเทวดากับเงินทอง เงินทองค่ามันน้อยมาก ๆ
2) พิจารณาจากคน คนที่เรารักมากที่สุดต่อให้เราตายไป โลกก็ต้องเป็นไปตามกรรม ใครทำกรรมดีก็ได้รับผลดี ใครทำกรรมชั่วก็ได้รับผลชั่ว
Q: วิธีตัดความกังวลใจ
A: วิธีที่ 1 เข้าสมาธิให้ลึก เราจะเข้าสมาธิที่ลึกได้ เราต้องตั้งสติ อย่ากังวลใจ อย่าเพลินไปตามอาการ เมื่อเราตัดได้จิตเราจะเป็นสมาธิ จิตจะแยกจากกายได้ ร่างกายก็จะได้พัก
วิธีที่ 2 ฟังบทโพชฌงค์และสติปัฎฐาน 4 การฟังธรรมะ จะทำให้เราจิตสงบเป็นสมาธิพอเรามีปิติ มีสุข มันก็จะส่งผลให้กายมีปิติ มีสุข ไปด้วย จะทำให้ร่างกายหายได้โดยควรแก่ฐานะหรือถ้าไม่หายแล้วตาย ก็ทำให้ไปดี ไปสวรรค์และถ้าเห็นความเกิดขึ้น เห็นความดับไป จะไปนิพพานได้ ไม่ก่อน ไม่หลังจากการตาย
Q: วิธีให้จิตอยู่เหนือกาย
A: การแยกจิตกับกาย ทุกขเวทนาอยู่ที่กาย รับรู้สุขทุกข์อยู่ที่จิต เราจะแยกจิตให้อยู่เหนือจากกาย เหนือจากเวทนาที่เกิดขึ้นในกาย เราต้องเห็นว่ากายนี้เป็นของไม่เที่ยง เวทนาเป็นของไม่เที่ยง เวทนาทั้งสุขและทุกข์นั้นไม่เที่ยง เห็นบ่อย ๆ จะเกิดความหน่ายคลายกำหนัด ปล่อยวางได้ในเวทนาทั้งสุขและทุกข์ เข้าใจว่าทั้งสุขและทุกข์นั้นไม่เที่ยง ไม่ยึดถือในทั้งในสุขและทุกข์ พอเข้าใจอย่างนี้ จิตของเราก็จะเหนือจากสุขและทุกข์ทางกาย เหนือโรคภัยไข้เจ็บ เหนือจากผัสสะที่เข้ามากระทบได้
Q: รักษาใจอย่างไรดีเมื่อเพิ่งรู้ว่าทำบุญกับอลัชชี?
A: ให้ตั้งจิตไว้ว่า “ถวายแด่สงฆ์ คือหมู่แห่งผู้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า หมายเอาผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ โดยมีภิกษุรูปนี้เป็นตัวแทน” ให้ตั้งจิตไว้แบบนี้ แม้ผู้ที่รับจะเป็นภิกษุทุศีล แต่ด้วยความที่เราตั้งเจตนาไว้ดี บุญก็จะส่งผลมหาศาล ซึ่งทานที่ให้ไปนั้น มันจะส่งผลทั้งก่อน ระหว่าง และหลัง ให้เราตั้งศรัทธาให้ถูก โทษของศรัทธาคือที่ศรัทธาในตัวบุคคลนั้นมีอยู่ ท่านจึงให้เราตั้งศรัทธาไว้ที่ “พุทโธ” คือการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ตัวพระพุทธเจ้า, “ธัมโม” คือพระธรรมไม่ใช่ตัวหนังสือแต่หมายถึงองค์ความรู้, “สังโฆ” หมายถึง หมู่ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เช่นนี้จึงจะเป็นการตั้งศรัทธาไว้อย่างถูกต้อง
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.